นักศึกษาเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัย ผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายของ สู่ผู้ก่อตั้ง Start-Up ในที่สุด
30 พฤศจิกายน 2559

 

เป็นเวลากว่า 6 เดือนที่ Tan Jun Yuan ได้เป็นพ่อค้าขายบักกุดเต๋ (ซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน - อาหารพื้นเมืองประจำชาติสิงคโปร์ มาเลเซีย) และได้ตั้งข้อสังเกตถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ที่มักจะมีอาหารเหลือทิ้งเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ในขณะที่เราสามารถพบเห็นผู้คนจำนวนมากที่ถืออาหารในเอาท์เล็ท และรอเวลาที่จะซื้อเมื่อถึงเวลาลดราคา

 

เพื่อที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว ทำให้ Tan Jun Yuan สร้างแอปพลิเคชั่น 11th Hour ขึ้นมา ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ทำให้ร้านค้าสามารถประกาศโปรโมชั่นในนาทีสุดท้ายของวัน โดยผู้ใช้งานสามารถกดติดตามโปรโมชั่นจากร้านค้าได้โดยตรง ซึ่งนาย Jun Yuan ระบุว่า ปัจจุบันแอปพลิเคชั่นนี้มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนแล้วกว่า 7,000 คน และอีกกว่า 200 ร้านค้าที่ใช้แอปพลิเคชั่นนี้ ทำให้ในแต่ละวันนั้นมีโปรโมชั่นนาทีสุดท้ายมากกว่า 100 รายการเลยทีเดียว

 

สำหรับแอปพลิเคชั่นนี้ได้ใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่งในการพัฒนาเนื่องจากมีการปรับโครงสร้างของทีมผู้พัฒนา และทำรายได้ถึง 2,400 เหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่เปิดตัวแอปพลิเคชั่นไปได้เพียง 1 เดือนครึ่งเท่านั้น โดยทีมได้ตั้งเป้าหมายที่จะมีร้านค้าลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่นนี้ถึง 500 ร้านค้า ภายในเดือนมิถุนายน 2017

 

รสชาติของการเป็น "เถ้าแก่" ในครั้งแรก

ก่อนหน้าที่ 11th Hour จะเปิดตัว นาย Jun Yuan ได้เคยทำธุรกิจมาแล้วในปี 2011 ขณะที่รอเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ร่วมกับเพื่อนของเขา โดยได้ตั้งธุรกิจ "Ultimate Sales Challenge" ที่ให้ผู้เข้าแข่งขันขายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจากสปอนเซอร์ หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว เขาสามารถทำรายได้ถึง 5,000 เหรียญสหรัฐฯ ภายในเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น

 

จากนักศึกษา สู่การเป็นพ่อค้าขายของ

หลังจากที่ Jun Yuan จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Manchester ที่ Singapore Institute of Management ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งแล้ว เขาก็ได้เข้าทำงานที่ Certis CISCO ในตำแหน่ง Management Associate หลังจากนั้นเพียง 5 เดือน เขาก็ลาออกไปทำงานที่บริษัท Trek 2000 ในตำแหน่ง Product Manager และที่นั่นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ Henn Tan ซึ่งเป็น CEO ของที่นั่น และเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเริ่มต้นสร้างธุรกิจด้วยตัวเขาเอง

 

Tan Jun Yuan หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง 11th Hour

 

ด้วยสูตรลับในการทำบักกุดเต๋ที่เขาได้รับมาจากแม่ จึงเป็นที่มาของ "Yuan Bak Kut Teh" ซึ่งเขาและแม่ได้ช่วยกันสร้างขึ้นมา และตั้งแผงขายในเขต Toa Payoh ที่อยู่ใจกลางสิงคโปร์ในเดือนกันยายน ปี 2013 ซึ่งสามารถทำกำไรได้ถึง 5,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน แต่ปัญหาหลักๆ ก็คือ กำลังคน

 

"เราให้ค่าจ้างเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 7.5 เหรียญฯ และเพิ่มขึ้นเป็น 9.5 เหรียญฯ ในเวลาต่อมา แต่มีคนน้อยมากที่รับทำงานในอัตรานี้ ซึ่งส่วนมากก็มาทำงานแค่วันเดียว และหายไปในวันรุ่งขึ้น เคยมีคนงานของเราคนนึงที่ขโมยเงินเราไป 300 เหรียญฯ เมื่อมาทำงานวันที่ 2 ซึ่งเราไม่เคยได้มันคืนมาเลย ในขณะที่ผมและแม่ 2 คนทำงานกันวันละ 14 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ นั่นทำให้ผมคิดว่ามันพอจะมีวิธีอื่นไหมที่จะสามารถทำเงินได้ง่ายกว่านี้" Jun Yuan กล่าว และหลังจากนั้นไม่นานเพียง 6 เดือน พวกเขาก็ได้ปิดตัวธุรกิจนี้ลง

 

"ความเป็นเถ้าแก่อยู่ในสายเลือดของผม"

ด้วยประสบการณ์ที่เขาได้เจอนี้ ทำให้ Jun Yuan เกิดแรงบันดาลใจในการสร้าง 11th Hour ในเวลาต่อมา แต่ด้วยการเป็นลูกจ้างในบริษัทใหม่ที่เขาทำงานอยู่นั้น ทำให้เขาจำเป็นต้องใช้เวลาหลังเลิกงานในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นนี้ที่บ้านตอนกลางคืนแทน ในที่สุด Jun Yuan ก็ได้ลาออกจากงานในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อทุ่มเทให้กับ 11th Hour อย่างเต็มตัว

 

"ความเป็นเถ้าแก่มันอยู่ในสายเลือดของผม แม้ว่ามันจะทำให้ผมยุ่งเหมือนจะเป็นบ้าก็ตาม แต่ผมทำงานอย่างสร้างสรรค์ และมันทำให้ทุกๆ วันไม่เหมือนเดิม เพราะผมทำงานเพื่อตัวเอง ซึ่งต่างจากการที่ผมรอให้แต่ละวันๆ ผ่านไปเพื่อรอวันที่จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากเลยนะ" Jun Yuan กล่าว เขาเชื่อว่าประสบการณ์ต่างๆ ที่เขาได้พบเจอมานั้น ได้สอนเขาให้มองไปข้างหน้า เพราะในงานที่ผ่านๆ มา เขาได้เรียนรู้ว่าในการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น เขาแค่ต้องพยายามต่อไป แต่เมื่อคุณได้พบสิ่งที่คุณเชื่อแบบสุดหัวใจแล้ว คุณต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาในที่สุด

 

"การเป็นเถ้าแก่นั้น คุณจะต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้จำนวนมาก และคุณจะต้องคิดถึงมันซ้ำๆ อย่างที่ผมเคยเป็นอย่างแน่นอน แต่ขอให้คุณรู้ไว้เลยว่านี่คือส่วนหนึ่งของกระบวนการในการเติบโต ซึ่งในวันนึงคุณจะตระหนักได้ว่า ทั้งหมดแล้วนั้น มันก็แค่การโฟกัสไปที่ก้าวต่อไปก็แค่นั้นเอง" Jun Yuan กล่าวทิ้งท้าย

 

แม้ด้วยวัยเพียง 30 ปีของ Jun Yuan นั้น อาจจะเป็นวัยที่ถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็วในสายตาของคนทั่วๆ ไป ซึ่งความเร็วหรือช้าของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน แต่มันไม่สำคัญเท่ากับการที่เราเจอเป้าหมายที่เราต้องการ ซึ่ง Jun Yuan ได้หาเจอแล้ว แล้วคุณหาเจอรึยัง? แม้เป้าหมายของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันไป หากแต่เมื่อเจอเป้าหมายแล้ว คุณทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่หรือเปล่า นั่นต่างหากคือสิ่งที่สำคัญกว่า

กำลังเชื่อมต่อ