ในยุคนี้คนหันมาเป็นฟรีแลนซ์และทำงานที่บ้านกันเยอะขึ้น แต่ด้วยบรรยากาศของบ้านนั้นจริง ๆ แล้วไม่เหมาะกับการนั่งทำงานนาน ๆ เลยค่ะ เพราะการศึกษาได้ชี้ให้เห็นว่าการทำงานที่บ้านจะก่อให้เกิดภาวะเครียดได้ง่ายกว่าปกติ เหตุผลหนึ่งคือคุณจะทำงานแบบไม่มีขีดจำกัดแน่นอน ว่างเมื่อไหร่ก็คิดทำงาน แก้งานอยู่เสมอ ซึ่งไม่ดีต่อทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกาย วันนี้ FreelanceBay จึงมีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะแยกเวลาทำงานกับเวลาพักผ่อนออกจากกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของฟรีแลนซ์ทุกคนค่ะ

 

 

1. กำหนดเวลาทำงาน

 

เพราะการทำงานสัปดาห์ละ 7 วัน แถมใช้เวลาแต่ละวันเกิน 8 ชั่วโมงนั้นอันตรายต่อสุขภาพของคุณเป็นอย่างมาก เราจึงอยากแนะนำให้คุณกำหนดชั่วโมงการทำงานต่อวัน ไม่ว่าจะทำงานคนเดียว หรือต้องมีการติดต่อกับบริษัทอื่น ๆ ก็ควรมีกำหนดเวลาในการทำงานชัดเจน และแจ้งผู้ร่วมงานทุกท่านให้ความร่วมมือ ติดต่อกับคุณผ่านเวลาทำงานเท่านั้น 

 

ที่สำคัญเมื่อมีเวลาว่าง ควรหยุดพักสายตา และผ่อนคลายไปกับกิจกรรมง่าย ๆ อย่างการพาสุนัขเดินเล่น ออกไปวิ่ง ไปร้านขายของใกล้ ๆ หรือแม้แต่ซักผ้าและล้างจานก็ยังได้ แต่ต้องรับผิดชอบงานที่ค้างให้เสร็จตามกำหนดเวลาด้วยนะ

 

2. เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง

 

สำหรับคนที่ไม่มีสมาธิในการทำงานที่บ้านก็ไม่ต้องเครียดไป เพราะคุณไม่ใช่คนเดียวที่ประสบปัญหานี้ ทางแก้ก็คือออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ นอกบ้าน ยุคนี้นอกจากทำงานในห้องสมุด หรือคาเฟ่ ก็ยังมี Co-Working Space ให้เลือกใช้บริการอยู่เต็มไปหมด รับรองว่าจุดประกายความสร้างสรรค์ในตัวคุณได้แน่นอน

 

3. ออกไปพบผู้คน

 

การทำงานคนเดียวเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจทำให้คุณเหงาและเกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นในที่สุด ดังนั้นสิ่งที่ควรใส่ใจเป็นลำดับต่อไปคือการมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น 

 

คุณควรออกไปเจอเพื่อน ๆ หรือครอบครัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกันบ้าง หรือถ้าอยากได้ฟังมุมมองดี ๆ จากคนที่ทำงานวงการเดียวกันก็อาจใช้วิธีเข้าร่วมกลุ่มของคนที่  ‘work from home’  เพื่อต่อยอดให้การทำกิจกรรมร่วมกันในอนาคต ซึ่งถือเป็นการสร้าง Connection ที่ดีมาก ๆ วิธีหนึ่งด้วยค่ะ

 

4. ออฟไลน์ซะบ้าง

 

คุณรู้ดีว่าการใช้สมาร์ทโฟนตลอดทั้งวันนั้นส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร เราขอย้ำเตือนอีกครั้งว่ามันเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติให้ได้อย่างจริงจัง เพื่อรักษาทั้งสุขภาพกายและใจของคุณเอง

 

วิธีเริ่มต้นง่าย ๆ ตั้งแต่ตื่นนอน ควรใช้เวลาทบทวนและวางแผนวันใหม่ ไม่ควรเช็กอีเมลหรือเฟซบุ๊กทันทีที่ตื่นนอนเหมือนเคย แยกให้ออกระหว่างเวลางานและการใช้ชีวิต เมื่อทำจนติดเป็นนิสัย รับรองว่าส่งผลดีต่อสมองและสุขภาพในระยะยาวแน่นอน

5. หาความสุขใส่ตัว

 

องค์กรที่ใส่ใจพนักงาน จะมุ่งมั่นเดินหน้า รักษาความสุขและสุขภาพของพนักงานทุกคน เพราะเมื่อสุขภาพกายและใจของพวกเขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน

 

ดังนั้นเมื่อคุณต้องดูแลตัวเอง ก็ควรใส่ใจเรื่องนี้เช่นกัน การหยุดพักระหว่างวันเพื่อหาของอร่อย ๆ กิน หรือเล่นโยคะสัก 30 นาที นอกจากจะช่วยให้สุขภาพกายและใจดีขึ้น ยังช่วยให้งานของคุณออกมาดีอีกด้วย

 

เพราะการทำงานที่บ้านอาจเปลี่ยนชีวิตซ้ำซากจำเจของคุณได้ อิสระและความยืดหยุ่นอาจทำให้คุณไม่อยากกลับไปทำงานออฟฟิศอีกเลย เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองเพื่อความสุขที่ยั่งยืนกันนะคะ : ) FreelanceBay ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังค้นหาตัวเองทุกท่านค่า