พนักงานภาครัฐในสหราชอาณาจักรจำนวน 250,000 คน อาจถูกหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนภายในปี ค.ศ.2030
7 กุมภาพันธ์ 2560

 

การเข้ามาเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent: AI) ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในปัจจุบันเพื่อนำมาทำงานแทนมนุษย์ ส่งผลต่อตลาดแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุดรายงานใหม่จากสถาบันวิจัย Reform ในสหราชอาณาจักร ได้คาดการณ์ว่าหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์นั้นจะเข้ามาทำงานแทนพนักงานภาครัฐจำนวน 250,000 คน ภายในระยะเวลา 15 ปี

 

งานวิจัยชิ้นนี้ ได้ชี้ให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐ (ในสหราชอาณาจักร) นั้นอาจกลายเป็น "The next Uber" รายถัดไป ซึ่งผู้ทำงานควรจะเตรียมตัวรับมือกับการเข้ามาของระบบทำงานอัตโนมัติ และเศรษฐกิจแบบ Gig Economy ที่เปิดโอกาสให้แรงงานได้ทำงานได้อย่างหลากหลายตามความสามารถที่ตัวเองมี ผ่านแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ

 

โดยรายงานดังกล่าวได้อธิบายว่า หุ่นยนต์นั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการทำงานได้ราวๆ 1 พันล้านปอนด์ เช่นการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาแก้ปัญหานั้น จะช่วยจัดการการทำงานวันต่อวันบนเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ ช่วยลดการทำงานของผู้ดูแลระบบได้ถึง 90% เลยทีเดียว และดูเหมือนว่าในปีค.ศ. 2030 ระบบทำงานอัตโนมัตินี้จะเข้ามาแทนที่แรงงานกว่า 10,000 คนใน NHS (National Health Service) และ GP Surgeries (แพทย์เวชปฏิบัติ) ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ถึง 4 พันล้านปอนด์ต่อปี

 

สำหรับกลุ่มอาชีพแรกๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้งานนั้น ได้แก่แพทย์และพยาบาล เนื่องจากหุ่นยนต์นั้นมีความสามารถในการประมวลผลและวินิจฉัยโรคที่ดีกว่ามนุษย์ (ในบางเงื่อนไข), สามารถทำตามขั้นตอนได้เป็นอย่างดี และมีการเก็บข้อมูลผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ

 

จากงานวิจัยนี้ ได้แนะนำว่าพนักงานภาครัฐบาลนั้นควรเรียนรู้ และปรับตัวเข้ากับสไตล์การทำงานรูปแบบใหม่ เช่นเดียวกับที่แพทย์และครูอัตราจ้างที่มีการจ้างงานแบบเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ยังได้ระบุอีกว่าผู้ทำงานในภาครัฐนั้นอาจตกอยู่ในภาวะวิกฤต หากมีการใช้งานหุ่นยนต์เข้ามาทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ โดยมีผู้ทำงานจำนวน 20% ที่ทำงานในบทบาทดังกล่าว ที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อกำหนดรูปแบบการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจและจัดสรรให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

แม้ว่าการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ในการทำงานนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ในด้านที่อาจทำให้แรงงานบางส่วนต้องเสียผลประโยชน์ไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ อย่างไรก็ตามหากมีการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ได้จริง ก็จะทำให้การให้บริการในภาครัฐมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงได้ดียิ่งขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้ ซึ่งก็คือประชาชนทั่วไปนั่นเอง

กำลังเชื่อมต่อ