[แนะนำฟรีแลนซ์] คุณกฤษดา ฟรีแลนซ์โปรแกรมเมอร์ งานเน็ตเวิร์ก งานฮาร์ดแวร์
29 สิงหาคม 2559

 

"Ability without opportunity means nothing" หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ความสามารถที่ปราศจากโอกาสย่อมไร้ความหมาย" โชคดีที่ในเส้นทางฟรีแลนซ์ของคุณกฤษดา (บอส) นั้นมีครบทั้ง 2 อย่าง ทั้งความสามารถในการเขียนโปรแกรม และโอกาสได้แสดงฝีมือจากผู้จ้าง ลองอ่านประสบการณ์ตรงที่ทั้งโหด-มัน-ฮา ของคุณกฤษดากันดีกว่า

 

ทำอะไรมา ก่อนจะมาเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว

ก่อนหน้าที่จะมาทำฟรีแลนซ์ก็ชอบทำหุ่นยนต์ และชอบเล่น arduino หัดทำเบสิกๆ ไฟกระพริบ วัดอุณหภูมิ เปิด-ปิดไฟ พอเริ่มชำนาญก็หัดทำโปรเจคช่วยเพื่อน (ฟรีๆ เพราะอยากลองฝีมือตัวเอง) ทำไปเรื่อยๆ จนมีเทรนด์ IoT (Internet of Things) เข้ามาก็เลยศึกษา อบรมบ้าง หัดทำตามอินเตอร์เน็ตบ้าง เนื่องจากตัวผมเองก็มีพื้นฐานเขียนโปรแกรมนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อยนะครับ (ไม่ชอบด้วยซ้ำ แต่เพราะอยากเขียน arduino เก่ง ๆ ก็เลยต้องหัดเขียน) ด้วยความที่ช่วยเพื่อน ช่วยพี่ ช่วยน้องทำเรื่อยๆ จนวันนึงก็เลยคิดว่า เออ ลองรับงานดูไหม? ด้วยคำถามแค่นี้ มีคำถามหลายอย่างพ่วงมาเลย ทำที่ไหน? ทำกับใคร? คิดเงินยังไง ? ใครจะกล้ามาจ้าง? ผมเลยหาใน google ว่า "รับงานฟรีแลนซ์" ก็เห็น FreelanceBay เห้ย มีแบบนี้ด้วยหรอ เลยไปค้นๆๆ อ่านๆๆ มีนายทุนเยอะ มีคนทำก็เยอะ เอ่อนั่นดิ ใครจะมาจ้างเรา ก็เลยลองตัดสินใจ ลองเอาประวัติตัวเองมาโพสต์ เพราะเป็นคนชอบเก็บรูปงานต่างๆไว้ใน IG ก็เลยง่ายเลย

 

ผ่านไป 3 - 4 วัน สวรรค์โปรด เมื่อมีเบอร์โทรศัพท์แปลกโทรเข้ามา เห้ย!ใครเนี่ยย พอรับสาย พี่เขาก็ใส่มาไม่ยั้งเลย "น้องใช่คนที่รับเขียนอาดูโน่ป่าว? พอดีพี่มีงานอยากได้.... บลาๆๆๆๆ " ผมก็ได้แต่จินตนาการตามไปเรื่อยๆ จริงๆไม่เคยทำหรอก ด้วยความที่เราไม่เคยทำ ทำให้ลังเล แต่พี่ก็บอกสโคปงานมา แล้วถามว่า"เห้ยน้อง จะเอาเท่าไหร่ ขอตัวเลขกลมๆ" ห้ะ!! งานแรก ไม่เคยทำ ไม่เคยรู้จักเลย มาถามแบบนี้ จะให้ตอบแบบไหน ก็เลยตัดสินใจไปเลย 4,000 บาทถ้วน 55555 ตื่นเต้นสุดๆ เห้ย เราจะหาเงินได้แล้วหรอ เราจะไม่ได้ขอพ่อแม่แล้วหรอ ด้วยที่ไม่มีเงินสักบาท ก็โทรไปบอกพี่เขา พี่เขาก็ออกเงินให้ ซื้อเซนเซอร์ ซื้อของมาลอง นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานฟรีแลนซ์ หลังจากนั้นพี่เขาก็จ้างมาเรื่อยๆ

 

จากประสบการณ์แล้วคิดว่าอาชีพฟรีแลนซ์เป็นยังไงบ้าง?

ฟรีแลนซ์นับว่าเป็นอีกอาชีพนึงที่ สนุกท้าทายอยู่เสมอ และเราเพิ่มไอเดียได้ การที่ได้พูดคุยกับลูกค้า เจรจากัน รับ requirement บางครั้งลูกค้าก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันก็เป็นหน้าที่เรา ที่ต้องอธิบายภาษาคอมพิวเตอร์ให้เป็นภาษาบ้านๆ ใช้คำใหม่ ที่กระชับ เมื่อรับงานมาแล้ว ก็มาออกแบบเอง ผสมจินตนาการ ลงมือทำ ทำไม่ได้ก็แค่นอน ตื่นมาทำต่อ ชีวิตไม่ได้อยู่แต่หน้าคอมฯ บางวันแก้ไขปัญหาไม่ได้ แก้บัคไม่ออก ก็ผ่อนคลายตัวเอง กลับบ้านไปทำนาบ้าง หากิจกรรมอื่นทำ เพื่อลดความเครียด เราค่อยจะมองปัญหาออก เพราะฟรีแลนซ์ต้องยอมรับจริงๆว่า เวลาเครียด ก็เครียดจัด แต่ทุกอย่างเราสามารถแก้ไขได้ เราเอาอยู่ 

 

แต่ก่อนก็เคยดูหนัง "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" ก็คิดอยู่ว่ามันจะโหดร้ายขนาดนั้นหรอ มันจะไม่มีเวลาขนาดนั้นเลยหรอ มันจะอดหลับอดนอนขนาดนั้นเลยหรอ มันจะเลือกงานไม่ได้เลยหรอ พอทำจริงๆแล้ว ก็รู้เลยว่า ก็ประมาณในหนังนั้นหละ 55555 ในหนังยังดีที่มีคนคุยกับลูกค้าให้ เพราะชีวิตจริงฟรีแลนซ์กับลูกค้า เป็นของคู่กัน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราไม่ฉะกับลูกค้า บางครั้งก็เจอลูกค้าที่รู้งาน แต่บางครั้งก็เจอลูกค้าไม่ค่อยน่ารัก เราก็ต้องเก็บอารมณ์แล้วก็ยิ้ม ก็ได้แต่พูดว่า "ครับ" "ทำได้ครับ" "ไม่มีปัญหาครับ" มันก็เป็นอีกรสชาติหนึ่งของการทำงาน เพราะส่วนตัวผมชอบทำงานทุกอย่างแหละ ชอบอยู่ทุกกระบวนการของการทำงาน จากที่เคยได้ยินมาว่า"คนทำฟรีแลนซ์คือพวกที่ทำงานประจำไม่ทน ไม่มีความเป็นระบบ ไม่มีระเบียบ ไม่มีแบบแผน" ผมจะบอกให้ว่าไม่จริงครับ ฟรีแลนซ์ต้องคิดเยอะกว่าปกติ ต้องคิดถึงเรื่องเงิน เรื่องจิตใจลูกค้า คิดเรื่องงาน คิดไปทุกๆอย่าง คิดเผื่อคนอื่นด้วย ความอดทนต้องมาเป็นอับดับต้นๆเลย ความรับผิดชอบก็ต้องมี ความเป็นระบบก็ต้องทำ แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราแหละ ว่าเราจะทนได้ไหม มันใช่ทางของเราไหม

 

ก็คิดว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้ในรั้วมหาลัย จากการทำกิจกรรม ได้พูดคุยกับคนอื่นเยอะๆ และผลงานการช่วยเพื่อน ช่วยพี่ ช่วยน้องทำ การที่เราชอบทำหุ่นยนต์ ประดิษฐ์สิ่งเล็กๆน้อยๆ ชอบในเทคโนโลยี จึงหลอมรวมให้เราอยากจะทำฟรีแลนซ์ เพราะฟรีแลนซ์ต้องรวมศาสตร์อีกหลายศาสตร์ ทั้งศิลป์การพูดการโต้ตอบ หลายๆ อย่างเลย

 

ได้อะไรจากการทำงานฟรีแลนซ์

จากวันนั้น วันที่ทำงานฟรีๆ มาเริ่มรับงานแรก 4,000 บาท จนทุกวันนี้ทำงานมูลค่า 6 หลัก ได้เรียนรู้รสชาติชีวิต วันที่ requirement เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ วันที่เฟลจากลูกค้า วันที่งานไม่เสร็จ วันที่เจอปัญหารุมเร้าเข้ามา วันที่เงินไม่พอใช้ วันที่ถูกตำหนิ แต่เราสามารถผ่านมันไปได้ ปรับเปลี่ยนแล้วแก้ไข เพราะผมเชื่อว่าทุกคนพัฒนาได้ ทุกคนขอแค่ได้รับโอกาส และอยากขอบคุณพี่ๆน้องๆเพื่อนๆทุกคน และลูกค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจผม ผมจะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะพัฒนาฝีมือเรื่อยๆ ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมจริงๆ

 

ตัวอย่างผลงาน

ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวด้วย Arduino เพื่อนำไปสั่งเปิด - ปิด วิดีโอโฆษณา
 
ระบบรับส่งนักเรียนด้วย Raspberry Pi

 

ชมผลงานคุณกฤษดา (บอส) เพิ่มเติม : https://www.freelancebay.com/118935.html

 

 

อ่านบทความอื่นๆ ของ FreelanceBay

สมัครสมาชิก FreelanceBay

ติดตาม FreelanceBay จากช่องทางต่างๆ : Facebook | Twitter | Google+

กำลังเชื่อมต่อ