สำนักข่าว CNN เข้าซื้อแอปพลิเคชั่น Beme ของ YouTuber ชื่อดัง Casey Neistat เพื่อรองรับการเติบโตของดิจิตอลมีเดียในอนาคต
29 พฤศจิกายน 2559

 

สำนักข่าว CNN ได้เข้าซื้อแอปพลิเคชั่น Beme ของ YouTuber ชื่อดังในโลกออนไลน์ Casey Neistat โดยข้อเสนอดังกล่าวนั้นทำให้ Neistat เป็นผู้นำทีมพัฒนาแอปพลิเคชั่น Beme ในการเป็นสื่อแบบแสตนด์อโลนแนวใหม่ภายใต้การบริหารงานของสำนักข่าว CNN ในฐานะผู้อำนวยการผลิต รวมถึงทีมงานพัฒนาแอปพลิเคชั่นอีก 11 คนที่เหลือก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานข่าวของ CNN เช่นเดียวกัน

 

สำหรับแอปพลิเคชั่น Beme ได้ถูกสร้างขึ้นจากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง โดยการนำเสนอวิธีใช้งานแอปพลิเคชั่นที่เรียบง่ายให้กับผู้ใช้งานในการแชร์คลิปสั้นๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขก่อนอัปโหลด เสมือนเป็นการเชื่อมต่อระหว่างการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ต (Live Streaming) เข้ากับสไตล์การถ่ายทำคลิปแบบ YouTube เข้าด้วยกัน ซึ่งแอปพลิเคชั่นนี้ได้เปิดตัวขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปี 2015 ที่ผ่านมา โดยการเปิดตัวในครั้งแรกนั้นมียอดดาวน์โหลดสูงกว่า 500,000 ครั้ง และมีการอัปโหลดวิดีโอกว่า 1 ล้านชิ้นภายในเวลาไม่กี่วัน ทว่าในช่วงต่อมาทุกอย่างกลับเงียบสนิท ไม่เหมือนในช่วงแรกๆ ที่เริ่มเปิดตัวแอปพลิเคชั่น มากจนกระทั่ง Neistat ถึงกับออกมาโพสต์วิดีโออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นบน YouTube หลังจากเปิดตัวแอปฯ ไปได้ 1 ปี ซึ่งนำไปสู่การเปิดตัวอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีการอัพเดตใหม่ๆ, แก้ไขบั๊กต่างๆ รวมถึงพ่วงฟังก์ชั่นในการปรับแต่งภายในแอปพลิเคชั่นอีกด้วย

 

แม้ว่า Beme จะไม่สามารถค้นหาจุดยืนของตัวเองได้เช่นเดียวกับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จแล้วอย่าง Snapchat หรือ Musical.ly แต่สิ่งที่ทำให้ CNN เข้าซื้อแอปพลิเคชั่นนี้ คือความตั้งใจที่ลงทุนในทีมทำงาน (ทั้งผู้ผลิตรายการ, ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น และผู้ผลิตเนื้อหา) และในตัวแอปพลิเคชั่นที่มีกลุ่มคน Millenials เป็นกลุ่มเป้าหมาย แทนที่จะปั้นผลิตภัณฑ์ขั้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ CNN ได้มองไปที่การเข้าซื้อกิจการเพื่อเสริมทัพสำหรับสื่อดิจิตอลของตน โดยก่อนหน้านี้ CNN นั้นได้เป็นเจ้าของ Zite ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับอ่านนิตยสารออนไลน์ ก่อนที่จะขายให้ Flipboard ซึ่งเป็นคู่แข่งในปี 2014 ที่ผ่านมา

 

ด้วยการเข้าซื้อ Beme ในครั้งนี้ อาจทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสื่อดิจิตอลในอนาคตอันใกล้ ถึงแม้ว่า CNN จะเป็นสำนักข่าวในสหรัฐฯ ก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าในอีกไม่นาน สำนักข่าวในไทยอาจมีแพล็ตฟอร์มที่ใกล้เคียงกันเข้ามาใช้งานก็เป็นได้

กำลังเชื่อมต่อ