ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการ Chelation Therapy

รายละเอียดงาน

ทำความรู้จัก Chelation Therapy
ตัวช่วยขจัดสารพิษ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

รู้จักกับโลหะหนัก
โลหะหนัก คือ โลหะที่มีความถ่วงจำเพาะมากกว่าน้ำ 5 เท่าขึ้นไป มีหลากหลายชนิด
โลหะหนักเป็นสารที่มีอัตราการสลายตัวช้า ทำให้สะสมอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน โดยร่างกายของมนุษย์จะรับโลหะหนักเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภค การหายใจ หรือการซึมเข้าผ่านผิวหนังโดยตรง
โดยโลหะหนักจะมีทั้งกลุ่มที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกาย เช่น เหล็ก , สังกะสี , ทองแดง และกลุ่มที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย เช่น ปรอท , ตะกั่ว , แคดเมียม และสารหนู
Chelation Therapy หรือ คีเลชั่นบำบัด คือรูปแบบหนึ่งของการล้างพิษในหลอดเลือด โดยใช้กรดอะมิโนสังเคราะห์ที่มีชื่อว่า “ Ethylene Diamine Tetra Acetic Acid หรือ EDTA ซึ่งช่วยขจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากร่างกาย รวมทั้งกำจัดแคลเซียมส่วนเกินที่ตกค้างอยู่ในเนื้อเยื่อและผนังหลอดเลือด
Chelation Therapy จะให้สารละลายร่วมกับวิตามินและเกลือแร่ต่างๆผ่านทางหลอดเลือดดำและยังสามารถให้ผ่านทวารหนัก (Rectal Suppository) และ การรับประทาน (Oral Route) Chelation Therapy จะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อการทำ 1 ครั้ง สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
Chelation Therapy ดีต่อร่างกายอย่างไร?
- บรรเทาอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง - บรรเทาอาการเหน็บชา
- ลดการอุดตันของเส้นเลือดในร่างกาย - บรรเทาอาการอัลไซเมอร์
- ลดความดันโลหิตและไขมันในเลือดสูง - ลดการอักเสบในร่างกาย
- ลดโอกาสเกิดมะเร็ง - ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
โดยหลังจากที่ทำ Chelation Therapy แล้ว อาจเกิดการเจ็บแสบบริเวณเส้นเลือด หน้ามืดวิงเวียนศีรษะจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือมีอาการอ่อนเพลียประมาณ 24-48 ชั่วโมง
Chelation Therapy เหมาะกับผู้ใดบ้าง?
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น ผู้ที่มีไขมันในเลือดและความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่มีปัญหารับสารพิษ หรือ โลหะหนักเป็นเวลานานๆ
- ผู้ที่ได้รับแคดเมียมและสารหนูจากการสูบบุหรี่
- ผู้ที่มีปัญหาวิงเวียนศีรษะง่ายหรือการไหลเวียนของเลือดไม่ดี
- ผู้ที่ต้องการป้องกันโรคเส้นเลือดอุดตันหรือมะเร็ง
ขั้นตอนการใช้บริการ Chelation Therapy
ปรึกษากับแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกาย, ตรวจการทำงานของค่าไต และตรวจปัสสาวะ เพื่อทำการตรวรสอบปริมาณของโลหะหนักในร่างกาย โดยแพทย์จะเป็นผู้วางแผนการรักษาในผู้ป่วยแต่ละราย
ผู้ที่มีอาการแพ้ ETDA , ผู้ที่ภาวะไตวายรุนแรง , ผู้ป่วย G6PD , หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว
ควรหลีกเลี่ยงหรืองดการใช้บริการ Chelation Therapy
หลังจากทำ Chelation Therapy แนะนำให้ดื่มน้ำ 1.5-2 ลิตรต่อวัน และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลล์กับการสูบบุหรี่ โดยแพทย์จะให้วิตามินและ Anti-oxidant กลับมารับประทาน

รายละเอียดฟรีแลนซ์

teetaiyo
ประสบการณ์ด้านการเขียน 1 ปี สามารถแปลบทความภาษาอังกฤษได้ (คะแนนสอบ TOEIC 870)
0.0
มี 3 ผลงาน
จ้างงานสำเร็จ 0 ครั้ง
ได้รับรีวิว 0 ครั้ง
ดูโปรไฟล์

หากคุณสนใจจ้างงานแบบนี้

คุยกับฟรีแลนซ์
กำลังเชื่อมต่อ